0
0.00
ทำไมต้องเป็น ธูป เครื่องหอมที่ใช้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ทำไมต้องเป็น  ธูป เครื่องหอมที่ใช้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ไม่มีใครที่ไม่รู้จักธูป เมื่อเราต้องการไหว้บูชาหรือขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ธูปก็มักจะเป็นเครื่องหอมที่ใช้จุดไหว้และบูชาเป็นอันดับต้น ๆ ทันที
แต่ทำไมต้องเป็น “ธูป” ที่ใช้ไหว้บูชาและส่งกลิ่นหอมออกมาด้วย วันนี้เรามาย้อนรอยที่มาของธูปไปพร้อม ๆ กัน

อ้างอิงจากเสถียรโกเศศ นักปราชญ์ผู้รู้ของไทย อธิบายเกี่ยวกับธูปว่า ธูป เป็นคำสันสกฤตและบาลี แปลว่ากลิ่นหอมเครื่องหอม “กลิ่นหอมเครื่องหอมย่อมเป็นที่พึงพอใจแก่คนทั่วไป ถ้าเป็นกลิ่นเหม็นคนก็ไม่ชอบ และนึกว่าผีสางเทวดาก็คงไม่ชอบด้วยเช่นกัน มนุษย์จึงหาอุบายถวายกลิ่นหอมแก่เทวดาเสียด้วย ท่านจะได้ชอบพอใจ”

เสถียรโกเศศ ยังอธิบายอีกว่า ในยุคดึกดำบรรพ์มนุษย์คิดจะส่งกลิ่นหอมให้ลอยขึ้นไปสู่สวรรค์เพื่อบูชาอ้อนวอนเทพเจ้า จึงได้จุดกองไฟแล้วเอาไม้หอมหรือเครื่องหอมโยนใส่ลงไปในกองไฟนั้น ต่อมาจึงพัฒนาทำภาชนะใช้สำหรับรองรับไฟ เช่น ตะคัน หรือหม้อเผา

เสถียรโกเศศตั้งข้อสันนิษฐานว่า ในอารยธรรมตะวันตกนิยมใช้ภาชนะสำหรับเผาเครื่องหอม การทำธูปที่เป็นก้านไม้อย่างที่เห็นกันในปัจจุบันนั้น น่าจะเป็นของที่คิดค้นขึ้นใหม่ทางฝั่งตะวันออก อาจจะเป็นจีนที่คิดทำขึ้น

ในสมัยกรุงศรีอยุธยาปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับธูปใน “คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม เอกสารจากหอหลวง” แสดงว่า มีการทำธูปโดยพราหมณ์และคนไทย แต่ไม่มีการกล่าวถึงธูปจีน หรือคนจีนที่ทำธูป

สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ คนไทยน่าจะยังทำธูปกันอยู่ โดยเฉพาะในราชสำนัก ปรากฏว่ามีการทำธูปใช้เอง ดังปรากฏในหมายรับสั่งครั้งร. 2 ให้เจ้าพนักงานข้างในฟั่นธูปใช้ในงานต่าง ๆ ธูปที่เจ้าพนักงานข้างในทำก็น่าจะเป็นธูปชนิดพิเศษ ส่วนธูปจีนที่มีก้านยาว ๆ ชุบสีแดงอย่างที่เรียกกันว่า “ธูปหาง” นั้น จะเข้ามาเมื่อใดยังไม่พบหลักฐาน ชาวบ้านทั่วไปคงจะใช้ธูปจีน ซึ่งบรรจุในซองกระดาษยาว ๆ เรียกกันว่า แหนบ

ส่วนธูปไทยในยุคหลัง ๆ ใครเป็นคนคิดทำคนแรกนั้น เท่าที่มีหลักฐานบันทึก ผู้ที่อ้างว่าเป็นคนทำธูปไทยคนแรกคือ หลวงศรีรัตนโกสินทร์(บุศย์ บุนนาค) ซึ่งเป็นเจ้ากรมของสมเด็จฯ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร พระราชธิดาในร. 5 ท่านได้บันทึกว่า เป็นคนแรกที่พยายามคิดทำธูปไทยที่มีกลิ่นหอมขึ้น ในตอนแรกได้นำธูปจีนมาเป็นแกน แล้วเอาผงธูปที่คิดค้นขึ้นใหม่มาฟั่นทับพอกธูปจีนนั้นให้ใหญ่ขึ้น โดยมีส่วนผสมจากเนื้อไม้จันทน์ กำยาน และเครื่องปรุงอื่น ๆ มาบดผสมกันแล้วจุดเผา


ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก เว็บไซต์ศิลปวัฒนธรรม
ผู้เขียน ศรีเพชร ลิขิตสมบัติ

+