บุญ แปลว่า เครื่องชำระล้างจิตใจให้สะอาด เป็นเครื่องที่ช่วยกำจัดความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่ถี่เหนียว ความลุ่มหลงในวัตถุสิ่งของ ฯลฯ เพื่อเปิดใจให้เป็นอิสระ... บุญในอีกความหมาย ยังหมายถึงการมีความสุขในการตั้งใจและเต็มใจทำ ผลคือทำให้ความเกิดความสุขในระยะยาว

หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ ได้พูดถึงวิธีทำบุญ 3 แบบไว้ ดังนี้


1. ทำบุญเหมือนเอาน้ำโคลนมาอาบ 
เป็นการทำบุญที่เจือปนด้วยบาป เช่น การฆ่าสัตว์เบียดเบียนผู้อื่นเพื่อนำมาทำบุญ การทำบุญแบบนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นการทำบุญที่จะได้บาปแทน เพราะถึงแม้จะมีเจตนาดีต้องการถวายทานก็ตาม แต่เราต้องไปเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นมา หรือแม้แต่บางคนไปจี้ไปปล้นเขามา ไปโกงเขามาทำบุญ หรือใช้วิธีบังคับเบียดบังเอาเงินมาสร้างบุญ การทำบุญประเภทนี้จึงเปรียบเสมือนการเอาน้ำโคลนมาล้างตัว อาบอย่างไรก็มีกลิ่นเหม็นติดตัวอยู่วันยังค่ำ...



2. ทำบุญเหมือนเอาน้ำหอมมาอาบ 
เป็นการทำบุญแบบที่หวังผลแห่งบุญแห่งทานว่าจะทำให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน ความสะดวกสบาย ได้มาในลาภยศชื่อเสียง
มีคนจำนวนมากที่ทำบุญเพราะหวังในผลแห่งบุญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความต้องการในโภคทรัพย์ หรือความสะดวกสบายในชีวิต เวลาทำบุญจึงพากันขนของมากมายเข้ามาเต็มวัด เต็มศาลา
หลายสิ่งหลายอย่างที่ถวายก็ไม่เป็นประโยชน์กับคณะสงฆ์ กลายเป็นการสร้างภาระให้วัด และพระภิกษุสามเณร จึงพากันเข้าใจผิดไปด้วยว่า ยิ่งทำแบบให้สิ่งของมากก็จะยิ่งได้บุญมาก ซึ่งไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นการทำบุญประเภทนี้จึงเปรียบเหมือนการเอาน้ำหอมมาอาบ แม้จะสะอาดกว่าน้ำโคลนแต่ก็ยังมีกลิ่นติดตัวคละคลุ้งไม่สะอาดหมดจดจริงๆ



3. ทำบุญเหมือนเอาน้ำสะอาดมาอาบ 
เป็นการทำบุญที่ได้บุญมากที่สุด เพราะมีเจตนาเพื่อละกิเลส ถ่ายถอนความตระหนี่ถี่เหนียวในจิตใจ ไม่ได้หวังในผลใดนอกเหนือจากนี้ ก็เหมือนกับการอาบน้ำด้วยน้ำสะอาด เมื่ออาบแล้วก็รู้สึกสดชื่นร่างกายสะอาดอย่างแท้จริง _/\_

ดังนั้นการทำบุญก็เหมือน “การอาบน้ำ” เราจะอาบน้ำด้วยวิธีไหน อย่างไร ต้องเลือกพิจารณาดูให้ดีๆ ค่ะ บุญรักษาค่ะ _/\_