0
0.00
อยากรวย ต้องทำทานจริงหรือ ?
อยากรวย ต้องทำทานจริงหรือ ?

อยากรวย ต้องทำทานจริงหรือ ?

เรามักจะได้ยินคำกล่าวที่ส่งต่อกันมาของเหล่าผู้เฒ่าผู้แก่ อย่างประโยคที่ว่า “อยากรวยก็ต้องให้ ต้องทำทาน” จริงหรือ? พระอาจารย์ชาญชัย อธิปญฺโญ กล่าวว่า ผู้ทีจะรวยหรือมีโภคทรัพย์นั้น ต้องทำทานเป็นพื้นฐาน ทานหรือจาคะคือการให้ เสียสละและแบ่งปันสิ่งของที่ตนมีให้แก่ผู้อื่น เพื่ออนุเคราะห์เกื้อกูลบุคคลอื่น โดยเฉพาะผู้ที่เราควรช่วยเหลือ หากเป็นผู้ทำทานไว้มาก ก็มี “โอกาส” ที่จะรวยได้ ซึ่งอานิสงค์ของการทำทานนั้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่องค์ประกอบดังนี้ 
1. วัตถุทาน ได้แก่ สิ่งของที่ให้แก่ผู้อื่น หากจะให้ได้อานิสงค์สูงต้องมีลักษณะดังนี้
1.1 เป็นของที่ตนหามาได้โดยสุจริต คือ ไม่ไปลักขโมยหรือฉ้อโกงใครมา
1.2 เป็นสิ่งของที่เป็นปะโยชน์ต่อผู้รับ คือ สามารถช่วยบรรเทาความทุกข์ร้อนของผู้รับได้ หรือผู้รับนำของที่ได้ไปใช้ประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นได้
2. เจตนา หมายถึง ความตั้งใจที่จะให้ แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่
2.1  ก่อนจะให้ คือ มีความตั้งใจไว้ล่วงหน้าว่าจะให้ โดยมุ่งหวังว่าวัตถุทานที่ให้นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อผู้รับ เจตนามีสูงในการทำทาน ก็ทำให้ผู้ให้มีใจจดจ่อที่จะทำทาน ย่อมส่งให้ผู้ให้นั้นมีชีวิตที่ดีได้
2.2  ขณะให้ทาน ก็ให้ด้วยความตั้งใจ ให้ด้วยใจที่แบ่งปัน ไม่คิดเสียดาย มีใจอิ่มเอิบเบิกบาน อารมณ์ของใจดังกล่าวคือลักษณะของใจบุญ ผลบุญที่ได้จึงมีสูง 
2.3 หลังการให้ ยังประคองใจด้วยความปีติ อิ่มเอิบเบิกบาน ไม่ลังเลสงสัยว่าตนจะได้รับบุญหรือไม่ เมื่อให้แล้วหากให้ขาดจากใจ ก็ไม่ต้องลังเลสงสัย ของที่ให้ไปแล้วไม่ใช่ของ ๆ เราอีกแล้ว ผู้รับจะนำไปใช้อย่างไรเป็นเรื่องของท่าน พระพุทธองค์ตรัสว่า ผู้ให้ของอันประณีต ยิ่งเป็นของรักของหวง ยิ่งได้อานิสงค์สูง เพราะเป็นการขจัดความตระหนี่ออกจากใจ และปรารถนาให้ผู้รับได้ประโยชน์จากของอันประณีตนั้น
3. ผู้รับ หากเป็นผู้มีคุณธรรมสูงหรือผู้มีพระคุณต่อผู้ให้ การให้ทานนั้นย่อมมีอานิสงค์สูงไปด้วย เช่น บิดา มารดา พระสงฆ์ เป็นต้น 
ทั้งนี้การทำทานเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้นที่จะเพิ่ม “โอกาส” ที่ทำให้มั่งมีหรือร่ำรวย แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือความขยันหมั่นเพียร และความตั้งใจในการทำงาน ย่อมส่งผลหลักให้ท่านทั้งหลายร่ำรวยไม่วันใดก็วันหนึ่งอย่างแน่นอนค่ะ

อ้างอิง:  หนังสือจากหอคอยสู่ดวงดาว
ศรีเพชร ลิขิตสมบัติ เขียน

 

+